Vintage Store
24 เมษายน 2560
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมี
พระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้า ฯ สั่งว่า
โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นสมควรควบคุมกิจการขายทอดตลาดและค้าของเก่าให้ดีขึ้น
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยบทมาตราต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้ให้เรียกว่า “พระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาด
และค้าของเก่า พุทธศักราช ๒๔๗๔”
มาตรา ๒* ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๗๔
*[รก.๒๔๗๔/-/๗๒/๒๔ พฤษภาคม ๒๔๗๔]
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้
“ของเก่า” หมายความว่า ทรัพย์ที่เสนอขาย แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายโดยประการอื่น
อย่างทรัพย์ที่ใช้แล้ว ทั้งนี้รวมถึงของโบราณด้วย
“เสนาบดี” หมายความว่า เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย
มาตรา ๔* ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบการอาชีพดังต่อไปนี้ โดยมิได้รับอนุญาตสำหรับ
กิจการนั้นๆ จากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต
(๑) การขายทอดตลาด นอกจากการขายทอดตลาดซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเป็นผู้ขาย
หรือการขายทอดตลาดเพื่อประโยชน์ของสมาคมหรือสาธารณประโยชน์ ซึ่งรัฐมนตรีสั่งเป็นหนังสือ
ให้ยกเว้นเฉพาะกรณี
(๒) การค้าของเก่า นอกจากการค้าของเก่าบางประเภทหรือบางชนิดซึ่งรัฐมนตรีได้
ประกาศยกเว้นในราชกิจจานุเบกษา
ของเก่าซึ่งรัฐมนตรีได้ประกาศยกเว้นดังกล่าวในวรรคก่อน เมื่อเห็นสมควร รัฐมนตรี
จะประกาศเพิกถอนการยกเว้นเสียทั้งหมด หรือแต่เพียงบางประเภท บางชนิดก็ได้ ผู้ค้าของเก่าประเภทหรือชนิดซึ่งได้มีประกาศเพิกถอนการยกเว้นดังกล่าวแล้ว จำต้องรับใบอนุญาตภายในกำหนดสามสิบวัน
นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
*[มาตรา ๔ แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๔๘๑]
มาตรา ๕ คำร้องขอใบอนุญาตประกอบการอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่านั้น
ท่านให้ทำตามแบบที่ระบุไว้ในกฎเสนาบดีและยื่นต่อเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต
มาตรา ๖* ห้ามมิให้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ร้องขอตามความในมาตรา ๕ เว้นแต่ผู้นั้น
จะมีคุณสมบัติและพื้นความรู้ดังต่อไปนี้
(๑) มีอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
(๒) มีความรู้หนังสือไทยพออ่านออกเขียนได้
(๓) เป็นผู้ที่ไม่เคยต้องโทษจำคุกตามกฎหมายลักษณะอาญา ภาค ๒ ส่วนที่ ๕ หมวดที่ ๕
หมวดที่ ๖ หมวดที่ ๗ หมวดที่ ๘ และส่วนที่ ๙ หมวดที่ ๑ หมวดที่ ๒ หมวดที่ ๓ หมวดที่ ๔ หมวดที่ ๕
และหมวดที่ ๖
*[มาตรา ๖ แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๕]
มาตรา ๖ ทวิ* ใบอนุญาตประกอบการอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่า หากสูญหาย
ไปในกรณีใดก็ตาม ให้ผู้รับใบอนุญาตไปขอรับใบแทนใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต
ภายในระยะเวลาเจ็ดวันนับแต่วันสูญหาย
*[มาตรา ๖ ทวิ เพิ่มเติมในพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๕]
มาตรา ๗ ผู้ทอดตลาดต้อง
(ก) แสดงคำแจ้งความแห่งการขายทุกคราวไว้ ณ สถานที่ขายให้เห็นได้แจ้ง
(ข) อยู่ ณ ที่ขายในเวลาขายทอดตลาดและพร้อมที่จะแสดงใบอนุญาตต่อนายตรวจ
เมื่อเรียกตรวจ
(ค) มีสมุดบัญชีสำหรับการขายทุกคราว และจดรายการข้อสำคัญทั้งปวงแห่งการขาย
นั้นๆ ลงไว้
(ฆ) แจ้งวันและสถานที่ขายให้นายตรวจทราบล่วงหน้าอย่างน้อยสามวันเต็ม
(ง) แสดงนามของตนและคำว่า ผู้ทอดตลาด ไว้เหนือประตูชั้นนอกแห่งสำนักงาน
เพื่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ถ้านายตรวจประสงค์จะทราบรายการข้อสำคัญ
อันเกี่ยวกับทรัพย์ที่ขายและได้มีหนังสือแสดงความประสงค์นี้แล้วท่านว่าผู้ทอดตลาดต้องบอกรายการ
ที่ประสงค์นั้น
มาตรา ๘* ผู้ค้าของเก่าต้อง
(ก) แสดงนามของตนและคำว่า ผู้ค้าของเก่า ไว้ ณ ที่ทำการค้าของตน พร้อมทั้ง
ใบอนุญาตในที่อันเห็นได้แจ้ง
(ข) มีสมุดบัญชีสำหรับการค้าของตนและจดรายการข้อสำคัญทั้งปวงแห่งการค้าลงไว้
ทุกราย สมุดบัญชีตามที่กล่าวนี้ต้องทำตามแบบและนำมาให้เจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตลงนามและ
ประทับตราก่อนทุกเล่ม
(ค) แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือนายตรวจ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์ที่มีผู้มา
เสนอหรือโอนให้ตนนั้นเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยทางทุจริต
(ฆ) ทำเลขลำดับเป็นเครื่องหมายปิดไว้ที่ของให้ตรงกับเลขลำดับในสมุดบัญชีเพื่อ
สะดวกในการสำรวจ
*[มาตรา ๘ แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๕]
มาตรา ๙* ให้เจ้าพนักงานมีอำนาจเพิกถอนใบอนุญาตเมื่อปรากฏว่าผู้รับอนุญาตขาด
คุณสมบัติตามที่ระบุไว้ในมาตรา ๖ (๑) (๒) หรือต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกตามความผิดซึ่งได้
ระบุไว้ตามมาตรา ๖ (๓) หรือต้องคำพิพากษาในฐานทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ถึงสองครั้งในปี
เดียวกัน
*[มาตรา ๙ แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๕]
มาตรา ๑๐ เมื่อเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตมีคำสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือสั่งเพิกถอน
ใบอนุญาตที่ออกให้แล้วก็ดี ท่านว่าเสนาบดีจะสั่งเปลี่ยนแปลงคำสั่งของเจ้าพนักงานก็ได้ แต่ผู้ร้องหรือ
ผู้รับใบอนุญาตต้องยื่นคำร้องต่อเสนาบดีภายในสิบวัน นับแต่วันที่ได้รับคำบอกกล่าวคำสั่งของ
เจ้าพนักงานเป็นต้นไป
มาตรา ๑๑* ท่านว่าใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้เป็นใบอนุญาตเฉพาะตัว โอนกัน
ไม่ได้ และสมบูรณ์เพียงวันที่ ๓๑ ธันวาคมทุกปี
*[มาตรา ๑๑ แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๘๔]
มาตรา ๑๒* ผู้ใดประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
หรือประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่า ภายหลังที่ได้มีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา ๙
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเกี่ยวกับการขายทอดตลาดหรือ
ค้าของเก่าประเภทโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ
และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ
ทั้งจำทั้งปรับ
*[มาตรา ๑๒ แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๒ ทวิ* ผู้รับใบอนุญาตผู้ใด ทำการขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าโดย
ใบอนุญาตขาดอายุหรือทำการขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าโดยไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖ ทวิ มาตรา ๗
มาตรา ๘ (ก) (ข) (ฆ) หรือมาตรา ๑๓ หรือฝ่าฝืนกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวาง
โทษปรับไม่เกินสองพันบาท
*[มาตรา ๑๒ ทวิ เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๒ ตรี* ผู้รับใบอนุญาตประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าผู้ใด
ไม่แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือนายตรวจ ทันทีเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าทรัพย์ที่มีผู้มาเสนอหรือโอน
ให้ตนนั้นเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสามปี หรือปรับตั้งแต่
หนึ่งหมื่นบาทถึงสามหมื่นบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำเกี่ยวกับทรัพย์อันเป็นโบราณวัตถุ
หรือศิลปวัตถุตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติต้อง
ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท
*[มาตรา ๑๒ ตรี เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๒ จัตวา* ในกรณีที่ผู้กระทำความผิดต้องรับโทษตามพระราชบัญญัตินี้เป็น
นิติบุคคล กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือผู้แทนของนิติบุคคลนั้น ต้องรับโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับ
ความผิดนั้นๆ ด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าการกระทำนั้นตนมิได้รู้เห็นหรือยินยอมด้วย
*[มาตรา ๑๒ จัตวา เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและ
ค้าของเก่า (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๓๕]
มาตรา ๑๓* ในระหว่างตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก นายตรวจและ
เจ้าพนักงานซึ่งรัฐมนตรีตั้งให้มีหน้าที่ควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า ชอบที่จะเข้าตรวจ
ใบอนุญาต สมุดบัญชี และทรัพย์สิ่งของในร้านค้าได้ ผู้รับใบอนุญาตต้องนำใบอนุญาต สมุด บัญชี
และทรัพย์สิ่งของตามที่เรียกตรวจ ออกให้ตรวจโดยทันที
*[มาตรา ๑๓ แก้ไขโดยพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๕]
มาตรา ๑๔ บุคคลใดประกอบการอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าอยู่ใน
วันประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ ท่านให้ยื่นคำร้องขอรับใบอนุญาตภายในกำหนดสามเดือนนับแต่
วันใช้พระราชบัญญัตินี้เป็นต้นไป
มาตรา ๑๕ ให้เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตาม
พระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎเสนาบดี ตั้งเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต และนายตรวจ
กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตและว่าด้วยกิจการอื่นๆ เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตาม
บทแห่งพระราชบัญญัตินี้
กฎเสนาบดีนั้นเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
ประกาศมา ณ วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๗๔ เป็นปีที่ ๗ ในรัชกาลปัจจุบัน
_______________
พระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๔๘๑
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีหน้าที่รักษาการให้เป็นไปตาม
พระราชบัญญัตินี้
[รก.๒๔๘๒/-/๕๑๒/๑ พฤษภาคม ๒๔๘๒]
พระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๔๘๔
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการให้เป็นไปตาม
พระราชบัญญัตินี้
[รก.๒๔๘๔/-/๑๕๐๔/๔ พฤศจิกายน ๒๔๘๔]
พระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า (ฉบับที่ ๕) พุทธศักราช ๒๕๓๕
หมายเหตุ: เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่บทกำหนดโทษและอัตราโทษใน
พระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พุทธศักราช ๒๔๗๔ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย
พระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๔๙๕ ได้กำหนดไว้ไม่
เหมาะสมและมีอัตราโทษต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เป็นบทกำหนดโทษเกี่ยวกับการขายทอดตลาด
หรือค้าของเก่าประเภทโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ
และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
[รก.๒๕๓๕/๑๖/๑๔/๔ มีนาคม ๒๕๓๕]